จากเศษเหลือทิ้งสู่อาหารสัตว์เลี้ยง: ขนมบิสกิตแคลเซียมสูงสำหรับสุนัขจากเปลือกไข่ From Food Waste to Pet Treat: High-calcium Dog Biscuits from Eggshell

By.  รศ.ดร. นันทวัน เทอดไทย
Assoc. Prof. Nantawan Therdthai, Ph.D.
Department of Product Development
Faculty of Agro-Industry
Kasetsart University
faginwt@ku.ac.th

          เปลือกไข่เป็นขยะที่เกิดจากภาคการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร และครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของน้ำหนักไข่ทั้งฟอง โดยปกติเปลือกไข่จำนวนมากมักจะถูกทิ้งเป็นขยะในหลุมฝังกลบ ทั้งนี้โรงฟักไข่ในประเทศไทยสามารถฟักไข่เพื่อให้ได้เป็นลูกไก่ประมาณ 35,000 - 50,000 ตัวต่อวัน จึงทำให้เกิดเปลือกไข่อยู่ที่ 1.0 - 1.5 ล้านฟองต่อเดือน หรือประมาณ 200 ตันต่อปี ซึ่งการฝังกลบเปลือกไข่เป็นระยะเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีการปล่อยก๊าซแอมโมเนียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น จึงมีการพัฒนาและวิจัยเปลือกไข่เพื่อนำมาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

กรณีศึกษา: การพัฒนาบิสกิตสุนัขเพื่อความยั่งยืน
          บิสกิตสุนัขจัดเป็นขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากฟันและรักษาความสะอาดในช่องปากของสุนัขได้ โดยการเติมผงเปลือกไข่สามารถเพิ่มปริมาณแคลเซียมในบิสกิต อย่างไรก็ตาม ระดับแคลเซียมที่สูงเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสุนัข ดังนั้น ส่วนผสมทั้งหมดจึงต้องได้รับการออกแบบให้มีสัดส่วนที่พอเหมาะ เพื่อให้บิสกิตมีปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่เหมาะสมสำหรับสุนัข โดยส่วนผสมหลักของบิสกิตสุนัข ประกอบด้วยแป้งสาลีและน้ำ นอกจากนี้ อาจมีการนำส่วนผสมอื่นๆ มาใช้เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสและรสชาติของบิสกิตได้ ในกระบวนการผลิตบิสกิตสุนัขเริ่มต้นจากการนำส่วนผสมที่ละลายน้ำได้มาละลายในน้ำก่อน แล้วจึงทำการผสมกับแป้ง โดยมีการควบคุมความเร็วและระยะเวลาในการผสมซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพของแป้งโดบิสกิตให้มีความยืดหยุ่นและสามารถขึ้นรูปแป้งโดก่อนการอบได้ ในระหว่างการอบนั้นแป้งจะเปลี่ยนโครงสร้างให้มีลักษณะแข็งขึ้น ผิวหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นรสจากปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction) และปฏิกิริยาการเกิดคาราเมล (Caramelization) ซึ่งหลังจากขั้นตอนการอบนั้นควรลดอุณหภูมิของบิสกิตลงมาให้อยู่ที่อุณหภูมิห้องก่อนการบรรจุ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดหยดน้ำในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งอาจทำให้อายุการเก็บรักษาของบิสกิตสั้นลง

          Eggshell is a solid waste from agriculture, the food industry, and households. Its percentage of whole eggs is nearly 10%. A large number of eggshells are often discarded as waste in landfills. In Thailand, large amounts of eggshells are from hatchery producing 35,000 – 50,000 chickens per day, resulting in 1.0-1.5 million eggshells per month or briefly 200 tons per year. Too long landfills of eggshells might cause negative effects from ammonia gas and carbon dioxide gas, which pollute the environment. Therefore, several studies have been conducted to find the opportunity to bring eggshell wastes back to valuable application.

Case study: Dog biscuits development for sustainability
          Dog biscuits are classified as pet treats. They can help to remove dirt from dog teeth and keep the mouth clean. By adding some eggshell powder, the calcium content can be increased. However, calcium levels that are too high might harm dog health. Thus, all ingredients should be carefully formulated to ensure a ratio of calcium and phosphorus is suitable for dogs. The main ingredients of dog biscuits are wheat flour and water. Other ingredients might be used to improve biscuit dough, texture, and flavor. The process of dog biscuit-making starts with mixing. The soluble ingredients are first dissolved in water and then mixed with the flour. At this stage, the mixture is transformed into an elastic dough. Mixing speed and time are crucial parameters to control the quality of biscuit dough. Biscuit dough can be molded and shaped before baking. During baking, the dough is transformed into a rigid structure. Color and flavor are also developed through Maillard reaction and caramelization. After baking, biscuits should be cooled to room temperature before packing, to avoid condensation in the container that might shorten the shelf-life of the biscuits.